วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557

I, FRANKENSTEIN


I, FRANKENSTEIN / สงครามล้างพันธ์อมตะ


ผู้จัดจำหน่าย : LIONSGATE
สตูดิโอผู้สร้าง : HOPSCOTCH FEATURES, LAKESHORE ENTERTAINMENT
ผู้กำกับ : สจ๊วร์ต บีตตี้ (TOMORROW, WHEN THE WAR BEGAN)
ประเภทของหนัง : ACTION | FANTASY | SCI-FI

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง
“ไม่ใช่หนังที่แย่อะไรนักแต่ก็ไม่ได้ดีจนยิ่งใหญ่ แต่ที่ยิ่งใหญ่จริงก็คือ สกอร์ ณ ลำโพง IMAX!!”



หนังใช้แผนโปรโมทภาพยนตร์ว่าภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากผู้สร้าง "UNDERWORLD" นั่นก็คือ เควิน เกรเวียซ ผู้เป็นคนคิดเรื่องราวใน สงครามระหว่างแวมไพร์และไลแคนส์ ซึ่งใน "I, FRANKENSTEIN" นี้ดัดแปลงมาจากคอมิคส์ของ เควิน เกรเวียซ ซึ่งก็เล่าเรื่องที่เราๆ รู้ๆ มาจากตัวอย่างอยู่แล้ว เรื่องของ อดัม อสูรของ วิกเตอร์ แฟรงเก้นสไตน์ ชายผู้เป็นอมตะ ที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องสงครามระหว่างฝ่ายดีกับฝ่ายเลว โดยในหนังนี้ได้ อารอน เอ็คฮาร์ท (THE DARK KNIGHT) มารับบท อดัม และสมทบด้วย บิลล์ ไนฮี่ย์, อีวอนน์ สตราฮอฟสกี้, มิรานด้า อ็อตโต้ และ ไจ คอร์ทนี่ย์ สมทบ และได้ สจ๊วร์ต บีตตี้ คนออกแบบตัวละครในหนังดังทั้งหลายอย่าง PIRATES OF THE CARIBBEAN มาเป็นผู้กำกับ!!

I, FRANKENSTEIN อาจจะไม่ได้มีบทภาพยนตร์ที่แข็งแรงมากนัก ไม่ได้ดีมากนักในเรื่องบท ไม่เน้นซับซ้อนอะไรมากนัก และการดำเนินเรื่องก็ง่ายๆ เดินเป็นเส้นตรงไม่มีความสลับซับซ้อนประมาณว่าถ้าลุกไปเข้าห้องน้ำสักห้านาทีกลับมาก็ยังดูรู้เรื่องกันเลยทีเดียว ถ้าจะให้พูด I, FRANKENSTEIN ก็เป็น UNDERWORLD ฉบับเนื้อหาโคตรง่ายก็ว่าได้ ไหนจะการพัฒนาตัวละครโดยเฉพาะตัว อดัม ที่เจอเป้าหมายชีวิตก็ง่ายๆ โดยรวมแล้วในส่วนเนื้อหาของหนังมัน เบา และก็ บาง ไปหน่อย แต่ถ้าไม่ติดขัดอะไรมากก็ดูได้เรื่อยๆ หนังมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากนัก


เพราะด้านฉากแอ็คชั่นของตัวหนังนั้นทำได้จัดเต็มจริงๆ ให้ตายเถอะ สวนทางกับเนื้อหาของหนังจริงๆ เรียกได้ว่าจัดเต็มจัดหนักกันจริงโดยเฉพาะแอ็คชั่นใหญ่ในช่วงต้นๆ เกือบถึงกลางเรื่องที่ฝั่งปีศาจบุกไปยังถิ่นของภาคีการ์กอยล์ เรียกได้ว่าอลังการงานสร้างและทำได้สนุก ตื้นเต้นมากพอสมควรเลยทีเดียว แม้ฉากแอ็คชั่นช่วงที่เหลือจะไม่พีคเท่าฉากต้นๆ ก็ตามที

การได้ดู I, FRANKENSTEIN บนจอ IMAX ถือเป็นอะไรที่ดีจริงๆ เพราะหนังจัดเต็มมากในส่วนของเสียงโดยเฉพาะสกอร์ประกอบหนังของ ไรน์โฮลด์ ฮีล และ จอห์นนี่ ไคลเมค ที่ทำออกมาได้อลังการงานสร้างเป็นอย่างมาก ซึ่งในฉากท้ายถ้าได้ยินแล้วเรียกได้ว่าจัดเต็มกันจริงเพราะงั้นการได้ฟังสกอร์บนจอ IMAX ถือว่าเป็นข้อดีข้อใหญ่ของหนังจริงๆ ส่วน 3มิติ รู้สึกว่าไม่ค่อยเท่าไรน่ะ


สำหรับ I, FRANKENSTEIN หนังไม่มีอะไรมากเหมาะสำหรับดูเพลินๆ ฆ่าเวลาได้มากพอสมควรครับ...


ความยาวทั้งหมด 92 นาที
คะแนน 7/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger