COP CAR / ล่าไม่เลี้ยง
จัดจำหน่าย : FOCUS WORLD
สตูดิโอผู้สร้าง : AUDAX FILMS, DARK ARTS FILM, END CUE
ผู้กำกับ : จอน วัตส์ (CLOWN)
ประเภทของหนัง : THRILLER
“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”
มุมมอง
หลายเสียงเล่าว่าหนังเรื่องนี้คือหนังที่ทำให้ชื่อของผู้กำกับโนเนมอย่าง จอน วัตส์ ไปเตะตาเหล่าผู้บริหารของมาร์เวล สตูดิโอ โดยเฉพาะ เควิน ไฟกี้ จนทำให้ วัตส์ ได้กลายเป็นผู้กำกับหนังซูเปอร์ฮีโร่ประจำปี 2017 อย่าง สไปเดอร์แมน ฉบับรีบู๊ต (อีกรอบ) ให้กับ มาร์เวล และ ดิสนีย์!!... ซึ่งหลังจากได้ชม COP CAR ก็ไม่ได้แปลกใจอะไรเท่าไรนักที่ วัตส์ ถูก มาร์เวล เลือกให้ไปกำกับสไปดี้ เพราะมุมมองของ วัตส์ ต่อเด็กในหนังเรื่องนี้มันช่างสดใสแต่ดิบเถื่อนซ่ะเหลือเกิน!??
พล็อตหนังนี่ง่ายๆ ครับไม่ซับซ้อนเล่าเรื่องของเด็กสองคนเพื่อนซี้ที่เดินไปเรื่อยๆ (ภายหลังบอกเป็นนัยๆ ว่าหนีออกจากบ้าน) แล้วไปเจอกับรถตำรวจที่จอดทิ้งไว้ เลยขโมยรถไปเลย พอตำรวจเจ้าของรถกลับมา (ซึ่งรับบทโดย ป๋า เควิน เบคอน) ไม่เจอรถก็เลยต้องออกตามล่าเด็กสองคนนี้ เพราะในรถคันนั้นดันมีความลับของนายตำรวจคนนี้ซ่อนอยู่?
มุมมองต่อโลกของเด็กทั้งสองคนที่มีต่อโลกจากตอนต้นเรื่องกับท้ายเรื่องจะไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน หนังไม่ได้จบโลกสวยแบบตอนเปิดเรื่องที่เต็มไปด้วยความสดใสและร่าเริงของเด็กๆ อย่างแน่นอน ซึ่งจะว่าไปแล้ว COP CAR นี่อารมณ์ก็เป็นหนังแนวก้าวพ้นวัยเลยนะ ถ้าให้เปรียบเทียบหนังแนวก้าวพ้นวัยที่คล้ายๆ และเหมือนๆ กันก็คงเป็น STAND BY ME (ที่ดัดแปลงมาจากนิยายของ สตีเฟ่น คิง) สองเรื่องนี้มีอะไรคล้ายๆ กันเรื่องราวเกิดจากความอยากรู้อยากเห็นและซนของเด็กๆ แต่หนังจบเรื่องในมุมมองของเด็กๆ ที่มีต่อโลกเปลี่ยนไป
กับเรื่องนี้หนังค่อยๆ พาเด็กๆ ไปเจอกับความเปลี่ยนแปลงแบบช้าๆ หนังยิ่งทวีความเดือดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งเพิ่มความวุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่จะปล่อยของกันในช่วงท้ายเรื่อง และท้ายที่สุด เด็กๆ จะพบว่าไม่น่าซน ไม่น่าอยากรู้อยากเห็นเลย เพราะท้ายที่สุดพอเด็กทั้งสองก็จะตระหนักว่าไม่น่าหนีออกจากบ้านเลย เพราะพอเจอความเป็นจริงของโลก เด็กๆ จึงร้องไห้และบอกอยากกลับบ้าน ก่อนที่ท้ายที่สุดหนังจะจบเรื่องไปแบบให้เราคิดต่อถึงอนาคตของเจ้าเด็กทั้งสองคนนี้กันต่อเอง แต่ที่แน่ๆ เจ้าเด็กสองคนนี้จะไม่มองโลกสดใสเหมือนเดิมแน่นอน ปล. หนังใช้เทคนิดแช่ภาพไม่เคลื่อนกล้องบ่อยมาก แถมแทบจะไม่ได้ตัดต่อเลย ขนาดสกอร์นานๆ ทีจะได้ยินครับ รวมๆ เลยเหมือนกับ วัตส์ พาเราไปอยู่ในเหตุการณ์อะไรอย่างนั้นเลย...
ความยาวทั้งหมด 88 นาที
คะแนน 7/10
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น