วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2559

THE FINEST HOURS


THE FINEST HOUR / ชั่วโมงระทึกฝ่าวิกฤตทะเลเดือด


ผู้จัดจำหน่าย : WALT DISNEY STUDIOS MOTION PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : WHITAKER ENTERTAINMENT
ผู้กำกับ : เคร็ก กิลเลสพี (FRIGHT NIGHT, MILLION DOLLAR ARM)
ประเภทของหนัง : ACTION | DRAMA | HISTORY

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง


หนัง THE FINEST HOUR สร้างมาจากเหตุการณ์จริงในปี 1952 ที่เจ้าหน้าที่ 4 คนได้ใช้เรือเล็กยามฝั่งไฝ่วิกฤตพายุและคลื่นลมแรงออกไปช่วยลูกเรือของเรือบรรทุกน้ำมัน เอสเอส เพนเดิลตัน ที่กำลังจะจมได้เป็นผลสำเร็จ โดยหนังได้ เคร็ก กิลเลสพี จาก FRIGHT NIGHT และ MILLION DOLLAR ARM มาทำหน้าที่เป็นผู้กำกับให้กับหนังเรื่องนี้

อันที่จริงเนื้อหาในหนังนั้นไม่ได้มีอะไรมากมายเลยนะ หลักๆ หนังมันก็จะเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของ เบอร์นี่ (ตัวละครของ คริส ไพน์) กับ มีเริยม (รับบทโดย ฮอลลิเดย์ เกรนเจอร์) ทั้งคู่กำลังจะแต่งงานกันในเร็ววันนี้ แต่กลับเป็นทางด้านของ เบอร์นี่ ที่ต้องออกไปช่วยลูกเรือของเรือ เอสเอส เพนเดิลตัน ซ่ะก่อน ซึ่งการออกไปช่วยในหนนี้เป็นการออกไปโดยที่เตรียมใจอาจจะไม่รอดและไม่ได้กลับมาอีกเลยก็ได้ (แถมหนังยังให้ตัว เบอร์นี่ เคยเจอเหตุการณ์ที่ต้องออกไปช่วยเรือมาก่อน แต่ครั้งนั้น เบอร์นี่ ไม่สามารถช่วยใครได้เลย...) โดยหนังก็ปูเรื่องของคู่ เบอร์นี่ กับ มีเรียม อยู่พักใหญ่พอสมควรให้หนังมีเรื่องราวให้ตัวละครมีเป้าหมายในการมีชีวิตรอดกลับมาให้ได้ประมาณนี้


กับอีกเส้นเรื่องหนึ่งในมุมมองของกลุ่มบรรดาลูกเรือของ เอสเอส เพลเดิลตัน ที่หลังจากเรือแตกเป็นสองท่อน (ท่อนหนึ่งจมอีกท่อนไม่จบซึ่งก็คือฝั่งที่ เบอร์นี่ ต้องไปช่วย) ก็ต้องพยายามร่วมมือกันในการหาทางเอาชีวิตรอดให้ได้ในขณะทีเรือก็กำลังใกล้จะจมไปเรื่อยๆ คือมันก็เป็นสองเส้นเรื่องที่จะบรรจบกันในช่วง 30 นาทีสุดท้ายของเรื่อง เมื่อพวกของ เบอร์นี่ ฝ่าวิกฤตพายุและคลื่นลมจนไปถึงเรือ เอสเอส เพนเดิลตัน และก็ร่วมมือหาทองรอดไปด้วยกัน

ถึงแม้ภาพรวมของหนัง THE FINEST HOUR ดูจะเป็นหนังที่มีเนื้อหาความเป็นดราม่าและโทนเนื้อหาที่มีความจริงจังสูงมาก (และน่าจะเป็นหนังที่ดูซีเรียสกับเนื้อหาในเครดิตของ เคร็ก กิลเลสพี เลยก็ว่าได้) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นด้วยความที่นี่เป็นหนังจากบ้าน ดิสนีย์ ก็พอคาดเดาได้ละครับว่าท้ายที่สุดไอ้ความดราม่าและจริงจังของหนังเนี่ยมันเป็นแค่ส่วนประกอบเท่านั้น เพราะไอ้สิ่งที่หนังเน้นและจริงจังที่สุดก็คือการแฝงความเป็นหนังสู้ชีวิตปลุกใจ ว่าถ้าไม่ยอมแพ้และร่วมมือกัน แสงสว่างในการมีชีวิตรอดมันจะต้องปรากฎอย่างแน่นอนอะไรแบบนี้


แต่โดยรวมก็ต้องบอกว่า THE FINEST HOUR นี่เป็นหนังที่ทำออกมาได้สนุกมากเลยนะ สนุกและลุ้นไปกับการตามติดการการไปช่วยเหลือเรือ เพลเดิลตัน ของพวกเบอร์นี่ และสนุกและลุ้นไปกับการเอาตัวรอดของพวกลูกเรือ เพลเดิลตัน ซึ่งงานนี้ไม่ได้จะอวยนะแต่ระบบ IMAX ช่วยยกระดับความสนุกได้พอตัวเลย คือด้วยความที่เป็นหนังหายนะอยู่แล้ว สเกลหนังและสเกลความหายนะของเรื่องมันเหมาะที่จะดู IMAX จริง ซึ่งมันก็ช่วยเพิ่มความตื่นตาตื่นใจให้กับเรื่องได้มากพอตัวเลย, สุดท้ายอยากจะบอกว่าเรื่องนี้ เคซี่ย์ แอฟเฟล็ค เท่มากเท่วัวตายควายล้มจริงๆ รัศมีกลบ กัปตันเคิร์ก คริส ไพน์ หมดเลย!...


ความยาวทั้งหมด 117 นาที
คะแนน 8/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger