THE 5TH WAVE / อุบัติการณ์ล้างโลก
จัดจำหน่าย : SONY PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : COLUMBIA PICTURES, GK FILMS
ผู้กำกับ : เจ เบลคสัน (THE DISAPPEARANCE OF ALICE CREED)
ประเภทของหนัง : ACTION | ADVENTURE | SCI-FI
“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”
มุมมอง
“ระลอกที่ 5 ในหนังนั้นคือ ความน่าเบื่อ...!?”
ดูจากรายชื่อมือเขียนบทของหนังเรื่องนี้ซึ่งเป็นการรวมทีมของมือเขียนบทระดับดีกรีรางวัลมากมายไล่ตั้งแต่ อากิวา โกลดส์แมน (จาก THE DA VINCI CODE, A BEAUTIFUL MIND, I AM LEGEND), เจฟฟ์ พิงค์เนอร์ (จากซีรี่ย์ LOST, FRINGE และหนัง THE AMAZING SPIDER-MAN 2) และ ซูซานน่าห์ แกรนท์ (จาก ERIN BROCKOVICH) + กับการที่หนัง THE 5TH WAVE ดัดแปลงมาจากหนังสือระดับ เบสท์เซลเลอร์ ของ นิค แยนซี่ แค่องค์ประกอบสองอย่างนี้ก็พาฝันหวานคิดไปไกลว่าหนังจะต้องออกมาดีและสนุกแน่นอนแล้ว ... แต่นั้นไม่ใช่กับหนังเรื่องนี้!!?
ก่อนอื่นเลยก็ขอออกตัวไว้ก่อนเลยว่าไม่เคยได้อ่านต้นฉบับที่เป็นนิยายของ THE 5TH WAVE (หรือชื่อไทย อุบัติการณ์ล้างโลก) มาก่อนเลยแม้แต่นิดเดียวครับที่ตีตั๋วดูนี่เพราะชื่อของน้องหนู โคลอี้ เกรซ มอเร็ตซ์ (และรายชื่อทีมเขียนบท) ล้วนๆ เลย เพราะงั้นจะไม่มีการไปเปรียบเทียบกับตัวหนังสืออย่างแน่นอน
อย่างที่จั่วหัวและกล่าวไว้ข้างต้นว่า ระลอกที่ 5 ในหนังนั้นคือ ความน่าเบื่อ ก็ตามนั้นเลยครับหนังน่าเบื่อและไม่สนุกเลยแม้แต่น้อยครับ ถ้าจะให้เปรียบเปรยก็ประมาณว่า THE 5TH WAVE ก็ไม่ต่างอะไรกับเป็นการนำเอาหนังหลายๆ เรื่องมาผสมกัน ส่วนผสมก็มีไล่ตั้งแต่ THE HOST (ความเป็นหนังรักสามสี่เส้า (THE HOST ที่เป็นหนังรักฉบับไซไฟนะไม่ใช่หนังอสูรกายของเกาหลี)) มาบวกกับ DIVERGENT (การจับเอาเด็กและวัยรุ่นไปฝึกโดยมีนัยยะแอบแฝงซ่อนไว้) และก็ หนังเอเลี่ยนบุกโลก ซึ่งพอนำมาผสมรวมกันสูตรที่ได้ก็คือ ความน่าเบื่อและไม่สนุกนั่นแหละ
ไอ้คำว่า น่าเบื่อ นี่ น่าเบื่อ ขนาดไหนก็ระดับที่ว่า ถ้าเข้าไปหลับตั้งแต่นาทีแรกของหนังแล้วฝากบอกคนข้างๆ ว่า ถ้าหนังสนุกเมื่อไร ก็ช่วยปลุกด้วยอะไรแบบนี้ จะรู้ตัวอีกทีก็นั่นแหละตอน เอนด์เครดิต ขึ้น! คือตลอด ร้อยกว่านาทีนี่หาไม่เจอจริงๆ ครับไอ้ความสนุกเนี่ยเจอแต่ความน่าเบื่อ คือทั้งๆ ที่หนังก็ได้มือเขียนบทเทพๆ ของวงการมาเขียนบทให้แต่ก็ไม่รู้เขียนบทกันอีท่าไหนหนังถึงออกมาไม่สนุกเลย หรืออีกนัยจะบอกว่า เจ เบลคสัน ผู้กำกับของหนังกำกับไม่ได้เรื่องดีล่ะ (THE 5TH WAVE เป็นงานกำกับชิ้นที่สองของ เบลคสัน ต่อจาก THE DISAPPEARANCE OF ALICE CREED เมื่อปี 2010)
จะบอกว่า หลายส่วนใน THE 5TH WAVE ดำเนินเรื่องไปโดยไม่สนใจอะไรเท่าไรว่าจะต้องสมเหตุสมผลหรือมีน้ำหนักมากพอและเชื่อมต่อกัน อะไรหลายๆ อย่างในหนังมันดูรวบรัดจนเกินไปบางที หลายช่วงในหนังตัวละครก็หาทางออกและแก้ไขปัญหาได้อย่างง่ายดาย จนไม่มีความรู้สึกร่วมกับตัวหนังสักเท่าไร คือก็เห็นช่องโหว่ในหนังอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่เปิดเรื่อง บทตัวละครจะมาก็มาจะไปก็ไป ทำไมตัวละครมันไปโผล่ในฐาน (ที่เป็นกองทัพทหาร) ได้ง่ายขนาดนั้นเลยล่ะ ทำไมจัดการหรือแอบเข้าฐานหรือจัดการระเบิดฐานศัตรูได้ง่ายกันจัง? ทั้งๆ ที่เป็นแค่วัยรุ่นนะ ณ ตรงนี้หนังไม่มีคำตอบแด่คนดู..? (ยังไม่นับเรื่องรักๆ ที่ง่ายไปมั้ยอีกน่ะ)
รวมๆ พูดเลยว่าหนังไม่สนุกครับ (เห็นหลายๆ คนที่อ่านหรือเป็นแฟนหนังสือมาก่อนบอกว่าตัวหนังสือมันสนุกอ่านแล้วติด ผิดจากตัวหนังไปไกลโขเลย เห็นอย่างนี้น่าลองไปซื้อมาอ่านดูแฮะ), ถ้าถามว่าสิ่งที่ชอบและดีที่สุดในหนังคืออะไรคำตอบจะสั้นๆ เลยว่าคือสองสาวในเรื่องอย่าง โคลอี้ เกรซ มอเร็ตซ์ ในบท แคสซี้ ตัวนำของเรื่องและ ไมก้า มอนโร ในบท ริงเกอร์ ถือเป็นส่วนที่เด่นและดีที่สุดในเรื่อง กับอีกจุดก็คือ สกอร์ดนตรีประกอบสุดยิ่งใหญ่ (ที่สวนทางกับตัวหนังมาก) ของ เฮนรี่ แจ็คแมน ครับ...
ความยาวทั้งหมด 112 นาที
คะแนน 5/10
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น