วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558

SHINGEKI NO KYOJIN ATTACK ON TITAN - END OF THE WORLD


SHINGEKI NO KYOJIN ATTACK ON TITAN - END OF THE WORLD / ศึกอวสานพิภพไททัน


ผู้จัดจำหน่าย : TOHO COMPANY
สตูดิโอผู้สร้าง : TOHO COMPANY
ผู้กำกับ : ฮิกูชิ ชินจิ (SHINGEKI NO KYOJIN ATTACK ON TITAN)
ประเภทของหนัง : ACTION | ADVENTURE | DRAMA

“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”

มุมมอง
“ผ่าพิภพไททัน คือ ประสบการณ์ที่ไม่เคยพบเจอ!?”


เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาพวกเราชาวไทยได้มีโอกาศได้ชมพาร์ทแรกของหนังที่ดัดแปลงมาจากมังงะสุดฮิตอย่าง ผ่าพิภพไททัน กันไปตามหลังญี่ปุ่นอย่างรวดเร็ว ซึ่งหลังจากที่ได้ชมพาร์ทแรกกันไป แล้วก็บ่นปนก่นด่าตัวหนังจนคิดว่ามันคงไม่เหลืออะไรจะให้เราเอามาด่า เอ้ย! พูด กันในพาร์ทที่สองแล้ว วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกบัดนี้ ผ่าพิภพไททัน พาร์ทที่สอง ก็มารอพร้อมเสริมให้โขกให้สับ เดี๋ยวไม่ใช่สิ! ให้ชมให้ดูกันแล้ว กับทีมนักแสดงชุดเดิม ทีมงานชุดเดิม และ ฮิกูชิ ชินจิ ยังคงมากำกับเหมือนเดิม!

หลังจากพาร์ทแรกทิ้งปมตอนจบได้อย่างยอดเยี่ยม (มั้งน่ะ!?) เอเรน (มิอุระ ฮารุมะ) ได้กลายเป็นไททันอย่างไม่คาดฝันและได้ออกไปต่อสู้กับฝูงไททันทั้งหลายพร้อมปกป้องกำแพงได้ชั่วคราว, เอเรนที่กลับร่างกลายเป็นมนุษย์ได้ถูกจับไปสอบสวนและตัดสินโทษ แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกรอบ ไททันสวมเกราะ ! ก็ได้บุกมาจับตัว เอเรน ไป!! กลุ่มทหารทีมสำรวจนำโดย มิคาสะ (มิซึฮาร่า กิโกะ) และ อาร์มิน (ฮอนโก คานาตะ) จึงต้องออกไปช่วยเอเรน ในขณะเดียวกัน เอเรน ที่โดนจับตัวไปก็ได้พบกับ ชิกิชิมะ (ฮาเซงาวะ ฮิโรกิ) ทหารที่แข็งแกร่งที่สุดยืนอยู่ต่อหน้า!!


ถ้าเอาทั้งสองพาร์ทมาเทียบกันแล้วก็ถือว่าพาร์ทที่สองนี้ ดันทำออกมาได้ดีกว่าพาร์ทแรกมากอยู่สมควรครับ สิ่งหนึ่งที่พาร์ทที่สองนี้สามารถแก้ตัวได้จากพาร์ทแรกก็คือ การที่พาร์ทนี้มีการเล่าเรื่องที่ทำได้ดีกว่าพาร์ทแรกครับ อีกทั้งการดำเนินเรื่องและเนื้อหาทั้งหมดในพาร์ทนี้ก็ทำออกมาได้กระชับกว่าพาร์ทแรกอยู่พอสมควรครับ คือพาร์ทนี้เอาจริงๆ ก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมจนน่ายกย่องหรือชื่นชมหรอกครับ แต่อย่างน้อยการเล่าเรื่องในพาร์ทนี้ก็สมเหตุสมผลในการที่หนังเล่าเรื่องจากต้นเรื่องไปช่วงกลางเรื่องแล้วมุ่งสู่บทสรุปได้ลงตัว

คืออย่างน้อยที่สุดพาร์ทนี้เล่นและเล่าเนื้อหาได้กระชับและลงตัวในเวลา 80 กว่านาทีของหนัง แต่ที่สำคัญเลยก็คือ พาร์ทสอง นี้สามารถทำให้คนดูติดตามเรื่องราวในพาร์ทนี้ได้ตั้งแต่ต้นจนจบโดยที่ไม่มีอาการที่เรียกว่า น่าเบื่อ เหมือนกับที่พาร์ทแรกเป็นครับ คือเนื้อหาในพาร์ทนี้มีเนื้อมากกว่าน้ำ ซึ่งไม่เหมือนกับพาร์ทแรกที่มันมีแต่น้ำเพียวๆ ชอบที่พาร์ทนี้เอาเรื่องของสังคมที่ชาวบ้านต่างโดนปิดหูปิดตาและล้อมกรอบโดยคนที่มีอำนาจและให้เชื่อว่าการอยู่ภายใต้กำแพงแล้วไม่ให้รู้ความเป็นไปข้างนอกกำแพงนี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด (ซึ่งมันช่างเข้ากับประเด็นที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศสารขัณฑ์จริงๆ) แต่หนังก็ไปได้ไม่สุดน่ะ แค่บอกว่าชอบที่เอาเรื่องนี้มาเล่นเท่านั้น ไหนในหนังจะหยิบยกเรื่องพี่ชายเอเรนมาพูดแต่อยู่ก็ไม่พูดถึงอีก


โอเคล่ะเนื้อหาพาร์ทนี้โดยรวมก็ทำได้ดีล่ะ ถ้าไม่มาตกม้าตายเรื่องการหาทางออกสู่บทสรุปที่ทำแบบขอไปที คือมันง่ายและทำออกมาได้แบบต้องถอนหายใจกันเลยทีเดียว (นี่ยังไม่นับเรื่องการที่หนังมีเอนด์เครดิตแต่ทำได้งงและเหวอแดกอีกน่ะ) -- ถ้ามองในมุมมองที่ว่าการเป็นหนังอย่างเดียวเลย ก็ขอบอกว่าหนัง ผ่าพิภพไททัน ทั้งสองพาร์ทนี่ก็พอเป็นหนังที่ดูได้น่ะ ทั้งสองพาร์ทยาวรวมกันไม่ถึงสามชั่วโมง (เอาเป็นว่าพาร์ทแรกนี่เป็นการปูเรื่องที่ยาวนานโคตรๆ ไปล่ะกันน่ะ) คือเป็นหนังที่จัดอยู่ในเกณฑ์กลางๆ ถ้ามีเวลาว่างดูไปก็ไม่เสียหายอะไรมากนัก

แต่ถ้ามองเป็นมุมมองว่า ผ่าพิภพไททัน เป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากต้นฉบับที่เป็น มังงะ หรือ อนิเม (พาร์ทสองที่ผมไปดูนี่ไปดูในแบบคิดซ่ะว่ามันเป็นหนังเรื่องหนึ่งแล้วก็ไปดูแบบไม่ได้คาดหวังอะไรกับมันสักเท่าไรไปดูแบบหัวสมองว่างเปล่าเลยด้วยซ้ำ) ขอบอกเลยว่า ผ่าพิภพไททัน นี่จัดเป็นอีกเรื่องที่ทำออกมาได้ย่ำแย่และอยากลืมในระดับเดียวกับ ดราก้อนบอล อีโวลูชั่น ของ ฮอลลีวู้ด เลยทีเดียว) ที่พอจะทำให้ลืมบาดแผลไปได้คือการที่หนังมี มิซึฮาร่า กิโกะ และ ซากุราบะ นานามิ (ซาช่า) กับเพลงประกอบโดย SEKAI NO OWARI ครับ...


ความยาวทั้งหมด 88 นาที
คะแนน 6.5/10

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger