ALL IS LOST / ออล อีส ลอสต์
ผู้จัดจำหน่าย : UNIVERSAL PICTURES
สตูดิโอผู้สร้าง : BEFORE THE DOOR PICTURES,
ผู้กำกับ : เจ.ซี. แชนดอร์ (MARGIN CALL)
ประเภทของหนัง : ACTION | ADVENTURE | DRAMA
“บทความนี้อาจเปิดเผยเรื่องราวของหนังที่อาจทำให้คนที่ยังไม่ดูหนัง
อาจเสียอรรถรสในการดูหนังได้ และการเขียนนี้เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ”
มุมมอง
“คำถามใหญ่! ทำไม! โรเบิร์ต เรดฟอร์ด ไม่ได้ชิงออสการ์นำชาย??”
ใน MARGIN CALL ผู้กำกับ เจ.ซี. แชนดอร์ ทำหนังออกมาได้สนุกมาก เป็นหนังเกี่ยวกับตลาดหุ้นที่ดูไม่รู้สึกเครียดและกดดันด้วยสไตล์การนำเสนอเนิบนาบไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังคงสนุก แถมในหนังยังให้ตัวละครพูดมากแต่ก็พูดในเรื่องที่แปลกๆ พอหนังกำลังจะเครียด ตัวละครก็จะพาพูดเรื่องแปลกๆ ทั้งหมากำลังจะตายบ้าง, เงินเดือนบ้าง และ การสร้างสะพานบ้าง ตัวหนังมันเลยไม่เครียด แต่เรื่องที่ตัวละครพูดมากนี่สุดยอด! และก็ไม่รู้ว่าเรื่องที่แล้ว เจ.ซี. แชนดอร์ ให้ตัวละครที่หลายตัวมากพูดมากไปหรือเปล่า ในหนังเรื่องต่อมา ALL IS LOST มันจึงออกมาต่างกับเรื่องที่แล้วสุดๆ ทั้งในหนังที่มีตัวละครมีเพียงคนเดียว นั่นก็คือคุณปู่ โรเบิร์ต เรดฟอร์ด และทั้งเรื่องแทบจะไม่พูดเลย!!
ALL IS LOST มาแบบเดียวกับคนติดเกาะ CAST AWAY ของ โรเบิร์ต เซเมคคิส ที่มี ทอม แฮงค์ส ในบทนำ แต่ในหนังเรื่องนี้เปลี่ยนจากการติดเกาะมาเป็นติดอยู่กลางทะเล ไม่มีเพื่อนอย่าง วิลสัน และก็ไม่ได้ติดอยู่กลางทะเลกับเสือด้วย (LIFE OF PI) ซึ่งที่บอกว่าเหมือนกับ CAST AWAY ยังไงนอกจากเนื้อหาแล้วก็คือการเล่นคนเดียวในหนัง ALL IS LOST นี่ถือว่าเป็น โรเบิร์ต เรดฟอร์ด วันแมนโชว์! เพราะว่าปู่เล่นแบบคนเดียวเอาอยู่! กับหนังที่ปู่พูดอยู่ประมาณไม่เกินสิบครั้ง (ไม่นับวอยซ์โอเวอร์ตอนเปิดเรื่อง) แถมไอ้ที่พูดก็ไม่พ้นไดอาล็อกตามนี้ “ช่วยด้วย!, ช่วยด้วย!, ฟัค!, เฮ้!, ผมอยู่ตรงนี้, SOS ช่วยด้วย!” เน้นๆ ก็คือขอความช่วยเหลือไงล่ะ!
เพราะงั้นนี่ไม่ได้เป็นหนังที่เล่าด้วยการพูดเหมือนหนังทั่วไป แต่เป็นหนังที่เล่าเรื่องด้วยสถานการณ์ที่ตัวละครเจอ ผ่านบทหนังและเรื่องราวที่โคตรจะไม่ซับซ้อนเลยง่ายๆ ก็คือ การเอาชีวิตรอด เนี่ยล่ะ แค่เพิ่มเรื่องลงมาคือ ชายสูงวัย ลงไปด้วยนิดหน่อย และงานนี้คือ การเอาชีวิตรอด จริงๆ เน้นๆ ที่เรื่องเดียวเท่านั้น เพราะงานนี้หนังคนดูสนใจแค่การเอาชีวิตรอดกลางทะเลของชายคนนี้เท่านั้น ไม่มีเส้นเรื่องอื่นเข้ามาเกี่ยวเลยแม้แต่น้อย เพราะงั้นนี่จึงเป็นหนังที่เน้นการ เซอร์ไววัล ท่ามกลาง สถานการณ์ การติดอยู่กลางทะเล และเจอความโหดร้ายของทะเลเนี่ยล่ะ ถือเป็นความแตกต่างที่ใครสักคนจะกล้าทำหนังแบบนี้ออกมาจริงๆ ครับ
ตัวละครที่ปู่ โรเบิร์ต เรดฟอร์ด เล่นซึ่งไม่รู้ว่าชื่ออะไรก็นับว่าเป็นตัวละครที่โชคร้ายมากๆ อีกตัวในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ (จากนี้ถือเป็นสปอยล์) ไหนจะดวงแตกเรือยอร์ชของตัวเองที่ลอยนิ่งอยู่กลางทะเลโดนตู้คอนเทนเนอร์ชน พอซ่อมรอยรั่วที่โดนชนพายุก็เข้า พอเริ่มตั้งหลักได้ก็ไปชนเสาสลบ ตื่นมาเจอพายุอีก ต้องสละเรือมาลอยอยู่ท่ามกลางทะเลในเรือชูชีพ พอเห็นเรือแมสค์ (ไม่รู้ลำเดียวกับ CAPTAIN PHILLIPS หรือเปล่า?) ยิงพลุขอความช่วยเหลือกลับไม่มีคนเห็น (สงสัยกำลังช่วยกัปตันฟิลิปส์กันอยู่ ฮ่าๆ) จากนั้นก็เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจนเกือบตาย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตัวละครที่ปู่ โรเบิร์ต เรดฟอร์ด เล่น โชคดีหรือโชคร้ายที่รอดมาได้เนี่ย
นั่นทำให้ถ้าดูจากวีรกรรมที่ปู่ โรเบิร์ต เรดฟอร์ด ทำไว้ในหนังเรื่องนี้เป็นอะไรที่น่าเสียดายที่ปู่ไม่ได้ชิงออสการ์ครับ ถึงแม้ตัวละครจะดวงซวยไปหน่อยแต่ความฉลาดของตัวละครก็เป็นที่น่าจดจำแถมบทในหนังส่ง โรเบิร์ต เรดฟอร์ด ในหนังเรื่องนี้ให้โดดเด่นจริงๆ แต่ก็ทำไม ออสการ์ ถึงเมินได้ก็ไม่รู้ ถ้าเทียบกับ คริสเตียน เบล จาก AMERICAN HUSTLE ขอบอกว่า ปู่เรดฟอร์ดเหนือกว่า "วงเล็บว่า 'เหนือกว่า' มาก" แต่ก็น่ะ เดวิด โอ. รัสเซลล์ คือลูกรักนี่ จะได้ชิงก็ไม่แปลก ส่วนที่เหลือ ชีเวเทล เอจิโอฟอร์ จาก 12 YEARS A SLAVE, แมธธิว แม็คคอนนาเฮย์ จาก DALLAS BUYERS CLUB และ ลีโอนาร์โด้ ดิคาปริโอ จาก THE WOLF OF WALL STREET อันนี้ไม่เถียง ส่วน บรูซ เดิร์น จาก NEBRASKA ยังไม่ดูพูดไม่ได้
เจ.ซี. แชนดอร์ ถือเป็นผู้กำกับหน้าใหม่ที่ทั้งเขียนบทเองและกำกับเองซึ่งใน ALL IS LOST แชนดอร์ กำกับได้น่าสนใจดีสามารถตรึงคนดูให้อยู่กับเนื้อหาเรื่องราวและความกว้างใหญ่ของทะเลที่ทารุณกรรมคุณปู่ผู้เป็นตำนานคนนี้ได้ตลอดเรื่อง ลุ้นไปเรื่อยๆ ว่า ปู่เขาจะโดนฟ้าประทานความซวยอะไรให้เป็นชนิดต่อไป (ฮา) แต่เอาจริงๆ เจ.ซี. แชนดอร์ เป็นผู้กำกับที่ทำหนังออกมาสนุกมากจริงๆ แม้ว่าในเรื่องนี้จะมาแบบข้ามาคนเดียว แต่ด้วย สถานการณ์ และ ภาพที่ปรากฏบนจอนั้นทำออกมาได้ดีจริงๆ ตอนนี้ก็น่าสนใจว่า ผลงานชิ้นต่อไปของ เจ.ซี. แชนดอร์ จะเป็นเรื่องอะไรและจะทำหนังได้คุณภาพเหมือนสองเรื่องแรกทั้ง MARGIN CALL และ ALL IS LOST หรือไม่!
เป็นที่กล่าวถึงนิดๆ ในส่วนของงานสกอร์ของ อเล็กซ์ อีเบิร์ต ที่ไปคว้ารางวัลลูกโลกทองคำในสาขาดนตรีประกอบยอดเยี่ยม ในการดูรู้สึกเฉยๆ ครับไม่ค่อยเข้าหูเท่าไรครับ แต่หนังได้ชิงออสการ์หนึ่งสาขานั้นก็คือสาขาตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม จริงๆ น่าจะเพิ่มสาขาให้ชิงเพิ่มไปอย่างผสมเสียงยอดเยี่ยมไปด้วยอีกสักหนึ่งสาขาครับ คือการตัดต่อเสียงและผสมเสียงนั้นทำได้ดี ถ้าฟังดีๆ หนังทำได้ดีในการเก็บรายละเอียดตรงนี้ทั้งเสียงคลื่นกระแทกเรือ, เสียงน้ำ บลาๆๆๆ คือเสียงที่จะได้ยินหากอยู่กลางทะเลหนังทำได้ดีจริงๆ ครับ
สรุปแล้ว "ALL IS LOST" เป็นหนังที่แตกต่างจากสารบบภาพยนตร์ ไหนจะมาแบบนักแสดงคนเดียวทั้งเรื่อง และหนังเล่นไม่มีการพูดโต้ตอบกันระหว่างตัวละคร แต่หนังกลับนำเสนอผ่านสถานการณ์และการเอาชีวิตรอดนี่ถือเป็นหนังที่ควรดู แต่อาจจะไม่โดนสำหรับทุกคนแค่นั้นครับ...
ความยาวทั้งหมด 106 นาที
คะแนน 8.5/10
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น